10 ภาคีเครือข่าย รวมพลังจัดงาน “เปิดหัวใจ เข้าใจสมาธิสั้น ปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริง” พลิกมุมมองต่อภาวะสมาธิสั้น สร้างสังคมที่เข้าใจและยอมรับความแตกต่าง
ภาคีเครือข่ายจากภาครัฐและเอกชน ผนึกกำลังจัดงาน “เปิดหัวใจ เข้าใจสมาธิสั้น ปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริง” การรวมพลังครั้งสำคัญที่มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อภาวะสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) ที่อาจไม่ใช่ข้อด้อย แต่คือพลังสร้างสรรค์ที่รอการค้นพบ
เป้าหมายสำคัญของงาน คือ การเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มักมองว่าสมาธิสั้นทำให้มีปัญหาในการเรียนรู้ ทั้งที่แท้จริงแล้ว ภาวะนี้สามารถดูแลและจัดการได้หากได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนที่เหมาะสม ผู้มีสมาธิสั้นจำนวนมากสามารถเรียนรู้ ทำงาน และประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างจากบุคคลทั่วไป
ศ.เกียรติคุณ นพ.รณชัย คงสกนธ์ อดีตนายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “สมาธิสั้นเป็นภาวะที่พบได้ มากในเด็กวัย 3–7 ปี และอาจมีภาวะนี้ต่อเนื่องไปถึงวัยผู้ใหญ่ มีสาเหตุมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น หากครอบครัวมีคนที่มีภาวะสมาธิสั้น เด็กจะมีโอกาสเป็นมากขึ้นถึง 4-5 เท่า โดยเกิดมาจากความผิดปกติบางอย่างของสมอง และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การได้รับสารพิษอย่างสารตะกั่ว ควันบุหรี่ สุรา รวมถึงการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม และการขาดการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด หากผู้ปกครอง ครู และคนรอบข้างเข้าใจอาการ และพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเรียนรู้ และทำงานได้ไม่ต่างจากคนทั่วไป”
พญ.ศุภรา เชาว์ปรีชา ตัวแทนนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “สังคมไทยยังมีความเข้าใจผิดว่าเด็กซนหรือควบคุมตัวเองไม่ได้คือเด็กดื้อ ผู้ใหญ่ที่สมาธิสั้นคือคนขี้เกียจหรือขาดความมุ่งมั่น ความเชื่อเหล่านี้สร้างแรงกดดันและผลกระทบทางจิตใจให้กับผู้ป่วย สมาธิสั้นไม่ใช่ข้อจำกัดด้านความสามารถ ตรงกันข้าม หลายคนมีความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นหากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม อาการของเด็กซนกับสมาธิสั้นต่างกัน ข้อสังเกต คือ เด็กซนคือเด็กพลังเยอะแต่หยุดได้เมื่อถูกเตือนหรือเหนื่อย มีสมาธิกับสิ่งที่สนใจ ควบคุมพฤติกรรมตนเองได้ แต่เด็กสมาธิสั้น สมองเขาทำงานผิดปกติ ทำให้ควบคุมตัวเองยาก ขาดสมาธิ บางรายอาจมีอาการไฮเปอร์ร่วมด้วย เช่น ยุกยิก นอนไม่หลับ พูดไม่หยุด”
รศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร ประธานชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลกระทบของภาวะสมาธิสั้น และการดูแลคนกลุ่มนี้ว่า “ภาวะสมาธิสั้นอาจทำให้เด็กใช้ชีวิตยากลำบากด้านการเรียนและการเข้าสังคม แต่หากคนรอบข้างเข้าใจ เช่น ปรับวิธีการสอน สร้างวินัยเชิงบวก จะช่วยให้พวกเขามีศักยภาพและความมั่นใจในตนเอง การที่เด็กสมาธิสั้นจะประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เมื่อเด็กเริ่มหลุดโฟกัสให้เรียกเบา ๆ ไม่ควรดุแรง ชื่นชมทันทีเมื่อเขาทำสิ่งที่ดี หาจุดแข็งเพื่อสนับสนุนให้เขามีความมั่นใจ ที่สำคัญ ต้องทำความเข้าใจว่าเด็กสมาธิสั้นไม่ใช่เด็กที่เรียนไม่ได้ เพียงแค่ต้องการความเข้าใจ และเอาใจใส่มากกว่าเด็กทั่วไป”
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงบทบาทของสังคมว่า “กรุงเทพมหานครมุ่งสร้างเมืองที่เป็นมิตรสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะมีความแตกต่างทางด้านร่างกาย จิตใจ หรือการเรียนรู้ ภาวะสมาธิสั้นเป็นหนึ่งในความหลากหลายที่สังคมควรทำความเข้าใจ เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงศักยภาพ และมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับสังคม การสร้างเมืองที่เป็นมิตรกับทุกคนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง กรุงเทพมหานครยินดีสนับสนุนและพร้อมที่จะร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม”
นอกจากนิทรรศการแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแลกเปลี่ยนความรู้ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการเสวนา “Raising awareness of ADHD understands” เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อภาวะสมาธิสั้น “A Panel Discussion of ADHD” เวทีแบ่งปันประสบการณ์จริงจากแพทย์ ผู้ป่วย และนักเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจ และ “ADHD Inspire Talk” เรื่องราวจากบุคคลต้นแบบ ทั้งนักการศึกษา อดีตนักฟุตบอลทีมชาติ และอินฟลูเอนเซอร์รุ่นใหม่ ที่ได้มาแบ่งปันมุมมอง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้มีภาวะสมาธิสั้น
หมายเหตุ
ภายใต้ความร่วมมือของ 10 ภาคีเครือข่ายในประเทศไทยเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้และเข้าใจในโรคสมาธิสั้น
ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับประชาชนเป็นการทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรนำไปเพื่อวินิจฉัยหรือรักษาปัญหาสุขภาพหรือโรคใดๆ การให้ข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการทดแทนการปรึกษากับผู้ให้บริการทางการแพทย์ โปรดปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ของท่านสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม
No comments