เปิดสายด่วนเพื่อผู้บริโภค “สภาผู้บริโภค 1502” สภาผู้บริโภคเปิดสายด่วน ‘สภาผู้บริโภค 1502’ รับปรึกษา - ร้องเรียนปัญหาผู้บริโภค ตั้งเป้าขยายฐานการคุ้มครองผู้บริโภค 77 จังหวัดทั่วประเทศ
วันนี้ (12 มกราคม 2567) สภาผู้บริโภคจัดกิจกรรม "เปิดตัวเบอร์สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502" เพื่อประชาสัมพันธ์งานรับเรื่องร้องเรียนและช่องทางร้องเรียนทางโทรศัพท์ ผ่านสายด่วน 1502 รวมทั้งการเผยแพร่บทบาทของสภาผู้บริโภค และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในการทำงานร่วมกันเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตัวแทนจากหน่วยงานเอกชน สื่อมวลชน รวมทั้งคณะกรรมการนโยบาย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสภาผู้บริโภค เข้าร่วมกิจกรรมด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุดังกล่าวจึงต้องมี “สภาผู้บริโภค” เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคในทุกด้าน และเสนอแนะนโยบายและมาตรการที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการบริโภคที่ยั่งยืน โดยที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคทำงานร่วมกับหน่วยงานประจำจังหวัด 15 จังหวัดและองค์กรสมาชิกทั่วประเทศในการช่วยเหลือเยียวยาผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับและขยายขอบเขตการคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ จึงควรเพิ่ม “สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502” ตามแนวนโยบายของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
“อาคารสำนักงานสภาผู้บริโภคเล็ก ๆ ที่มีอยู่เพียง 7 ชั้นนั้น เมื่อเทียบกับตึกสูงระฟ้าของบริษัทผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่จากทั่วทุกมุมโลก ก็เหมือนมดตัวเล็กๆ แต่มดเล็ก ๆ แบบสภาผู้บริโภคและเครือข่ายหากรวมพลังกันได้จริง ก็จะร่วมกันสร้างอำนาจจนยักษ์ต้องยอมคุกเข่ายอมจำนน” ประธานสภาผู้บริโภคระบุ
นางสาวบุญยืน กล่าวอีกว่า สภาผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าเราจะมีพลังในการทัดทานมากเพียงพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการหรือกลุ่มทุนใหญ่ลดการเอาเปรียบผู้บริโภคลงได้ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดและขาดไม่ได้คือผู้บริโภคทุกคนที่เป็นกำลังสำคัญที่จะนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่สังคมใหม่ที่เสียงของผู้บริโภคจะได้รับฟัง อำนาจต่อรองจะมีมากขึ้น มีนโยบายรัฐที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
นางสาวสารี กล่าวเพิ่มเติมว่า หากดูจากข้อมูลเชิงสถิติ ในปีงบประมาณ 2566 มีผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิผู้บริโภคได้ร้องทุกข์เข้ามาที่สภาผู้บริโภคเป็นจำนวน 16,142 เรื่อง ซึ่งสภาผู้บริโภคได้ช่วยเหลือผู้บริโภคให้ได้รับการชดเชยเยียวยาเสร็จสิ้นทั้งหมด 12,837 เรื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 79 และสามารถคิดรวมเป็นมูลค่าความสำเร็จในการคุ้มครองผู้บริโภคได้ถึง 71,703,984.46 บาท นอกจากนี้ยังได้จัดทำข้อเสนอแนะ ข้อเสนอเชิงนโยบาย และมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศรวม 36 เรื่อง แบ่งเป็นนโยบายระดับประเทศ 25 เรื่อง และนโยบายระดับจังหวัด 9 เรื่อง
นอกจากนี้ ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจทั้งการแสดงจากทีมเชียร์ลีดดิ้ง มหาวิทยาลัยรังสิต และโชว์เพลงแร็ปเพื่อผู้บริโภค มีจุดรับเรื่องร้องเรียนจากศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแบบเบ็ดเสร็จ (One-stop Service) และบูธกิจกรรม “เสียงของผู้บริโภคต้องไม่เงียบ (Let's Shout Our Voice)” ให้ผู้บริโภคได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และอีกหนึ่งกิจกรรมเด่นของงานในครั้งนี้คือ รายการ “เราไม่ได้บริโภคหญ้าเป็นอาหาร” ตอนพิเศษ ซึ่งได้เชิญตัวแทนผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากบริการสุขภาพ มาร่วมและเปลี่ยนประสบการณ์และมีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการร้องเรียน การจัดการแก้ไขปัญหาผู้บริโภคต่าง ๆ โดย โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค
No comments