Header Ads

OYO เปิดตัวโรงแรมที่บริหารจัดการเองเพื่อเสริมธุรกิจหลัก และเตรียมเปิดใหม่อีกกว่า 50 แห่งในปี 2567 พร้อมมองหาพันธมิตรตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เพื่อร่วมพัฒนาโรงแรมใหม่



• OYO เตรียมเปิดโรงแรมพันธมิตรในไทยกว่า 50 แห่งที่เซ็นสัญญาเช่าระยะยาวหรือการจัดการร่วมกัน พร้อมเชิญผู้ประกอบการโรงแรมมืออาชีพในระดับชั้นนำมาบริหาร

• OYO จะลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการตลาด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของโรงแรม

• OYO รับรองว่าพันธมิตรจะได้รับค่าเช่ารายเดือนหรือรายปีจากโรงแรมของตัวเอง รวมทั้งมีระบบการชำระเงินที่ตรงเวลา ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น และกลไกการแก้ไขปัญหาและการดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่รวดเร็ว

• โรงแรมที่บริหารเองเหล่านี้จะปรากฏคำว่า “Company Serviced” กำกับอยู่บนแอปและเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อบ่งบอกถึงการเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริงของ OYO และมาตรฐานคุณภาพที่สูงขึ้น

• โรงแรมที่บริหารจัดการเองแห่งแรกของ OYO ในไทย เปิดให้บริการแล้วในพัทยา

• OYO กำลังเร่งขยายความร่วมมือกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของโรงแรมเพื่อค้นหาอสังหาริมทรัพย์สำหรับพัฒนาเป็นโรงแรม

• โครงการพัฒนาดังกล่าวจะเน้นไปที่แหล่งท่องเที่ยวหลัก อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ และภูเก็ต

กรุงเทพฯ 10 มิถุนายน 2567 – OYO บริษัทเทคโนโลยีด้านการให้บริการที่พักระดับโลกเปิดตัวโรงแรมที่บริหารตัวเองในประเทศไทย พร้อมแนะนำ ทู เดอะ ซี รีสอร์ท พัทยา (To The Sea Resort Pattaya) ซึ่งเป็นที่พักภายใต้แบรนด์โรงแรมคอลเลกชัน โอ (Collection O) ของทางบริษัท และยังเป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของ OYO ในประเทศอีกด้วย โดยเป็นหนึ่งในที่พักไม่กี่แห่งที่มีสระว่ายน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงและบริการตัดแต่งขนสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ OYO มุ่งเน้นที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงและกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ

OYO วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนโรงแรมที่บริหารด้วยตัวเองเพิ่มเติมอีก 10 แห่งภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2567 และอีก 50 แห่งภายในปี 2567 OYO จะทำสัญญาในการบริหารจัดการแบบรายปีหรือสัญญาเช่าระยะยาวที่มีอัตราเช่าคงที่ในรูปแบบการแบ่งรายได้กับโรงแรมพันธมิตร นอกจากนี้ OYO ยังให้ความมั่นใจว่าพันธมิตรของบริษัทจะได้รับค่าเช่ารายเดือนหรือรายปีอย่างแน่นอน รวมทั้งมีระบบการชำระเงินที่ตรงเวลา ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น การบำรุงรักษาโรงแรมอย่างเหมาะสม และกลไกในการแก้ไขข้อกังวลและการดำเนินการตามข้อเสนอแนะอย่างทันท่วงที

OYO พร้อมสร้างความร่วมมือกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่จะเฟ้นหาและพัฒนาโรงแรมใหม่ ๆ ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ เช่น กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ และภูเก็ต

โรงแรมส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรจะได้รับการจัดประเภทให้เป็นโรงแรมในระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ของบริษัท อาทิ ซันเดย์ (Sunday) ทาวน์เฮ้าส์ (Townhouse) ทาวน์เฮ้าส์ โอ็ค (Townhouse Oak) และคอลเลคชัน โอ (Collection O)

โดย Sunday คือแบรนด์โรงแรมราคาประหยัดแบบพรีเมียมที่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มองหาความสะดวกสบายและคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึง Townhouse เป็นแบรนด์โรงแรมพรีเมียมระดับกลางที่พร้อมนำเสนอที่พักซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบ เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และฟังก์ชั่นการใช้งาน สำหรับ Townhouse Oak คือแบรนด์โรงแรมชั้นกลางระดับบนที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ช่างพิถีพิถันซึ่งต่างมองหาประสบการณ์ที่หรูหราและสะดวกสบาย โดยให้ความสำคัญกับบริการที่เหนือกว่าและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม ส่วนแบรนด์ Collection O อย่าง O To The Sea Resort Pattaya คือแบรนด์โรงแรมธุรกิจระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักธุรกิจและลูกค้าองค์กรที่ต้องการที่พักที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพในระหว่างการเดินทางเชิงธุรกิจ

โรงแรมพันธมิตรของเราจะมีป้ายกำกับว่า “Company Serviced” หรือ “ให้บริการโดยบริษัท” บนแอปและเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อแสดงถึงการร่วมเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริงของ OYO โดยทางบริษัทจะดูแลเรื่องการบำรุงรักษาโรงแรมอย่างใกล้ชิดและติดตามรีวิวหรือความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อประเมินและให้รางวัลแก่ผู้ประกอบการชั้นนำ นอกจากนี้ OYO จะจัดโครงการฝึกอบรมที่ครอบคลุม พร้อมให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเรามีทักษะและความรู้ที่จำเป็นเพื่อความเป็นเลิศในการจัดการโรงแรมร่วมกับ OYO

โครงการความร่วมมือนี้มุ่งสร้างระบบนิเวศการทำงานร่วมกัน โดยที่ OYO และผู้ประกอบการ รวมทั้งเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ร่วมบริหารจัดการโรงแรมที่ให้ความสำคัญกับผู้เข้าพักเป็นศูนย์กลาง และสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในชุมชนผ่านความร่วมมือ

โครงการนี้ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของ OYO ในการนำเสนอทางเลือกที่ครอบคลุมแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเชิงธุรกิจ วันหยุดของครอบครัว หรือการผจญภัยเดี่ยว ลูกค้าของโรงแรมจะเข้าถึงตัวเลือกที่พักอันหลากหลายมากขึ้น ซึ่งได้รับคะแนนสูงจากผู้มาเยือน และยังได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อรองรับรูปแบบการเดินทาง งบประมาณ และความชอบที่หลากหลาย

นายเสารภ มาคาริยะ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กล่าวถึงการพัฒนาว่า “โรงแรมที่บริหารจัดการเองภายใต้การดูแลของ OYO จะส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่นผ่านการสร้างงานและการสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น การสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในเชิงบวกดังกล่าวยังเป็นใบเบิกทางสู่การขยายธุรกิจของบริษัทไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ ได้อย่างราบรื่น ทั้งยังสร้างการยอมรับในวงกว้างมากขึ้นอีกด้วย เราจะพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และยกระดับความภักดีและความพึงพอใจของลูกค้าด้วยการใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูล ความคิดเห็นของลูกค้า รูปแบบการจอง และประสิทธิภาพการดำเนินงาน”

OYO Rooms ได้ปรับปรุงให้ชุดเทคโนโลยีของตนเรียบง่าย ทันสมัย และเป็นดิจิทัล เพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็นและเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ ด้วยเหตุนี้โซลูชันเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของบริษัท อาทิ Co-OYO ช่วยให้โรงแรมสามารถออกแบบและจัดการข้อเสนอในการส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มอัตราการเข้าพัก นอกจากนี้ OYO 360 เครื่องมือการลงทะเบียนด้วยตนเองที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังนำเสนอแพลตฟอร์มที่พันธมิตรสามารถลงทะเบียนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สองคลิก โดยหลังจากที่พักที่ได้ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงคลิกเดียว และผ่านกระบวนการตรวจสอบที่รวดเร็วก็จะปรากฏบนทุกแพลตฟอร์มภายในเวลาเพียง 30 นาที

เกี่ยวกับ OYO

OYO เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่มุ่งหวังในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดเล็กที่มีโรงแรมและบ้านพักไว้บริการ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเทคโนโลยีครบวงจรที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้และอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน ทั้งยังมอบตัวเลือกที่พักที่น่าเชื่อถือ ราคาที่จับจ่ายได้ และจองง่ายให้แก่ลูกค้าทั่วโลก OYO นำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันแบบครบวงจรมากกว่า 40 รายการแก่ลูกค้า ที่ดำเนินธุรกิจโรงแรมและบ้านพักทั้งหมดกว่า 170,000 แห่งใน 35 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (จากข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ OYO ที่ www.oyorooms.com

คำชี้แจงสำคัญ (Disclaimer): Oravel Stays Limited กำลังพิจารณาดำเนินการเสนอขายหุ้นของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (เรียกว่า “หุ้นสามัญ”) ภายใต้ข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง บริษัทได้ส่งร่างหนังสือชี้ชวน Red Herring ("DRHP") ไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งอินเดีย ("SEBI") หนังสือชี้ชวน Draft Red Herring (DRHP) เปิดให้สาธารณชนเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEBI ที่ www.sebi.gov.in เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ เช่น BSE Limited และ National Stock Exchange of India Limited ที่ www.bseindia.com และ www.nseindia.com ตามลำดับ และมีอยู่บนเว็บไซต์ของ Global Coordinators และ Book Running Lead Managers เช่น Kotak Mahindra Capital Company Limited, J.P. Morgan India Private Limited และ Citigroup Global Markets India Private Limited ที่www.investmentbank.kotak.com, www.jpmipl.com และ www.online.citibank.co.in/rhtm/citigroupglobalscreen1.htm เว็บไซต์ของ Book Running Lead Managers เช่น ICICI Securities Limited, Nomura Financial Advisory and Securities (India) Private Limited, JM Financial Limited และ Deutsche Equities India Private Limited ที่ www.icicisecurities.com, www.nomuraholdings.com/company/ group/asia/india/index.html, www.jmfl.com และ www.db.com/India ตามลำดับ นักลงทุนควรทราบว่าการลงทุนในหุ้นทุนมีความเสี่ยงในระดับสูง และสำหรับรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง โปรดดูหนังสือชี้ชวน Red Herring ซึ่งอาจยื่นต่อนายทะเบียนของบริษัทในอนาคต รวมถึงหัวข้อ “ปัจจัยความเสี่ยง" ผู้มีโอกาสเป็นนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการพึ่งพาร่างหนังสือชี้ชวน Red Herring (DRHP) ที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งอินเดีย (SEBI) เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจลงทุน หุ้นสามัญที่เสนอขายในฉบับใหม่ (ตามที่กำหนดใน DRHP) และการเสนอขาย (ตามที่กำหนดใน DRHP) ไม่ได้รับการจดทะเบียนและจะไม่ได้รับการจดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาปี 2476 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ("พระราชบัญญัติหลักทรัพย์”) และไม่อาจเสนอขายหรือเสนอขายภายในสหรัฐอเมริกาได้ เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นหรือในธุรกรรมที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดการจดทะเบียนของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐที่บังคับใช้ ด้วยเหตุนี้หุ้นสามัญจึงถูกเสนอขายและขายเท่านั้น (i) ภายในสหรัฐอเมริกาเฉพาะกับ "ผู้ซื้อสถาบันที่มีคุณสมบัติเหมาะสม" เท่านั้น (ตามที่กำหนดไว้ในกฎ 144A ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์) ในธุรกรรมที่ได้รับการยกเว้นหรือไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดการลงทะเบียนภายใต้ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และ (ii) นอกสหรัฐอเมริกาในการทำธุรกรรมในต่างประเทศโดยอาศัยกฎระเบียบ S ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตามกฎหมายที่บังคับใช้ของเขตอำนาจศาลที่มีการเสนอขายและการขายเหล่านั้น จะไม่มีการเสนอขายหุ้นสามัญต่อสาธารณะในสหรัฐอเมริกา

No comments

Powered by Blogger.